affezione ใน ภาษาอิตาลี หมายถึงอะไร
ความหมายของคำว่า affezione ใน ภาษาอิตาลี คืออะไร บทความอธิบายความหมายแบบเต็ม การออกเสียงพร้อมกับตัวอย่างสองภาษาและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ affezione ใน ภาษาอิตาลี
คำว่า affezione ใน ภาษาอิตาลี หมายถึง ความรักใคร่, ความรัก, ความเจ็บป่วย หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง
ความหมายของคำว่า affezione
ความรักใคร่noun D’altra parte, in questi “ultimi giorni” le persone in generale sono sleali e non mostrano “affezione naturale”. อย่างไรก็ตาม ระหว่างสมัยสุดท้ายนี้ ผู้คนทั่วไปไม่มีความภักดีและไม่ได้แสดงความรักใคร่ตามธรรมชาติ. |
ความรักnoun D’altra parte, in questi “ultimi giorni” le persone in generale sono sleali e non mostrano “affezione naturale”. อย่างไรก็ตาม ระหว่างสมัยสุดท้ายนี้ ผู้คนทั่วไปไม่มีความภักดีและไม่ได้แสดงความรักใคร่ตามธรรมชาติ. |
ความเจ็บป่วยnoun |
ดูตัวอย่างเพิ่มเติม
Da qualche tempo i sanitari sono a conoscenza del fatto che l’obesità a insorgenza precoce accresce il rischio di ipertensione, diabete, iperlipemia (eccesso di grassi nel sangue), affezione cardiaca di origine coronarica e altre malattie croniche. เจ้าหน้าที่ สาธารณสุข ได้ ทราบ กัน มา สัก ระยะ หนึ่ง แล้ว ว่า ความ อ้วน เกิน ปกติ ใน วัย เด็ก เพิ่ม ความ เสี่ยง ต่อ ความ ดัน โลหิต สูง, โรค เบาหวาน ชนิด หนึ่ง, ภาวะ โลหิต มี ไขมัน มาก เกิน ไป, โรค หลอด เลือด หัวใจ, และ โรค เรื้อรัง ชนิด อื่น. |
In questi difficili ultimi giorni l’“affezione naturale”, l’affetto che un figlio si aspetta di ricevere dal padre, è molto rara. ใน สมัย สุด ท้าย อัน วิกฤติ นี้ “ความ รักใคร่ ตาม ธรรมชาติ” ซึ่ง น่า จะ ได้ รับ จาก บิดา ลด น้อย ลง ไป มาก. |
5 Una delle prove che stiamo vivendo negli “ultimi giorni”, caratterizzati da “tempi difficili”, è la mancanza di “affezione naturale”. 5 สิ่ง บ่ง ชี้ ข้อ หนึ่ง ว่า เรา กําลัง อยู่ ใน “สมัย สุด ท้าย” พร้อม ด้วย “วิกฤตกาล ซึ่ง ยาก ที่ จะ รับมือ ได้” คือ การ ขาด “ความ รัก ตาม ธรรมชาติ.” |
Poiché gli uomini saranno amanti di se stessi, . . . senza affezione naturale, non disposti a nessun accordo, calunniatori, senza padronanza di sé, fieri, senza amore per la bontà”. — 2 Timoteo 3:1-3. เพราะ ว่า คน จะ รัก ตัว เอง, . . . ไม่ มี ความ รักใคร่ ตาม ธรรมชาติ, ไม่ ยอม ตก ลง กัน, เป็น คน ใส่ ร้าย, ไม่ มี การ รู้ จัก บังคับ ตน, ดุ ร้าย, ไม่ รัก ความ ดี.”—2 ติโมเธียว 3:1-3, ล. ม. |
Sono superbi, ingrati, senza affezione naturale, non disposti a nessun accordo, testardi, amanti dei piaceri e privi di vera santa devozione. พวก เขา เป็น คน จองหอง, อกตัญญู, ขาด ความ รัก ชอบ ตาม ธรรมชาติ, ไม่ ยอม ตก ลง กัน, หัวดื้อ, รัก การ สนุกสนาน, และ ขาด ความ เลื่อมใส แท้ ใน พระเจ้า. |
Infatti l’aggettivo greco àstorgos, reso in italiano “senza affezione naturale”, richiama alla mente una mancanza di amore che invece dovrebbe esistere fra i componenti di una famiglia, specialmente tra genitori e figli. ที่ จริง คํา ภาษา กรีก อะสตอร์กอส ซึ่ง ได้ รับ การ แปล ว่า “ไม่ มี ความ รักใคร่ ตาม ธรรมชาติ” บ่ง ชี้ ถึง การ ขาด ความ รัก ที่ ควร มี ใน ท่ามกลาง สมาชิก ครอบครัว โดย เฉพาะ ความ รัก ที่ บิดา มารดา มี ต่อ บุตร. |
* Negli ultimi giorni gli uomini saranno privi di affezione naturale, 2 Tim. * ในสมัยจะสิ้นยุคนั้นมนุษย์จะไร้มนุษยธรรม, ๒ ทธ. |
Di conseguenza, i bambini soffrono di diarrea e disidratazione oltre che di affezioni respiratorie e gastrointestinali. ผล ก็ คือ ทารก มี อาการ ท้องร่วง และ อยู่ ใน ภาวะ ขาด น้ํา อีก ทั้ง เป็น โรค เกี่ยว กับ ทาง เดิน หายใจ และ กระเพาะ ลําไส้. |
Scrisse che gli esseri umani sarebbero stati “amanti di se stessi, amanti del denaro, millantatori, superbi, bestemmiatori, disubbidienti ai genitori, ingrati, sleali, senza affezione naturale, non disposti a nessun accordo, calunniatori, senza padronanza di sé, fieri, senza amore per la bontà, traditori, testardi, gonfi d’orgoglio, amanti dei piaceri anziché amanti di Dio”. ท่าน เขียน ว่า ผู้ คน จะ เป็น “คน รัก ตัว เอง, เป็น คน รัก เงิน, อวด ตัว, จองหอง, เป็น คน หมิ่น ประมาท, ไม่ เชื่อ ฟัง บิดา มารดา, อกตัญญู, ไม่ ภักดี, ไม่ มี ความ รักใคร่ ตาม ธรรมชาติ, ไม่ ยอม ตก ลง กัน, เป็น คน ใส่ ร้าย, ไม่ มี การ ควบคุม ตน เอง, ดุ ร้าย, ไม่ รัก ความ ดี, เป็น คน ทรยศ, หัวดื้อ, เย่อหยิ่ง จองหอง, เป็น คน รัก การ สนุกสนาน แทน ที่ จะ รัก พระเจ้า.” |
Inoltre, molti di questi “adulti consenzienti” sono chiaramente privi di “affezione naturale” o senso di responsabilità nei confronti del nascituro che spesso è frutto della loro condotta, e subito ricorrono all’aborto. นอก จาก นั้น “ผู้ ใหญ่ ที่ สม ยอม กัน” เหล่า นี้ หลาย คน ดู เหมือน “ไม่ มี ความ รักใคร่ ตาม ธรรมชาติ” หรือ ความ สํานึก รับผิดชอบ ต่อ ทารก ที่ ยัง ไม่ ลืม ตา ดู โลก ซึ่ง มัก จะ เป็น ผล พวง และ พวก เขา ด่วน หา ทาง ทํา แท้ง. |
Gli esseri umani sono sempre più “amanti di se stessi, . . . senza affezione naturale, . . . senza amore per la bontà, . . . amanti dei piaceri anziché amanti di Dio”, come la Bibbia aveva predetto circa duemila anni fa. — 2 Timoteo 3:1-4. ไม่ รัก ความ ดี, . . . เป็น คน รัก การ สนุกสนาน แทน ที่ จะ รัก พระเจ้า” ดัง ที่ คัมภีร์ ไบเบิล ได้ บอก ไว้ ล่วง หน้า ประมาณ สอง พัน ปี มา แล้ว.—2 ติโมเธียว 3:1-4, ล. ม. |
La Bibbia predisse che gli “ultimi giorni” sarebbero stati contrassegnati da mancanza di “affezione naturale”, cioè di quel sentimento naturale che esiste di solito tra i componenti della stessa famiglia. คัมภีร์ ไบเบิล บอก ล่วง หน้า ไว้ ว่า “สมัย สุด ท้าย” จะ มี ลักษณะ สําคัญ คือ การ ขาด “ความ รักใคร่ ตาม ธรรมชาติ” นั่น คือ การ ขาด ความ ผูก พัน ตาม ธรรมชาติ ที่ สมาชิก ใน ครอบครัว มัก มี ต่อ กัน และ กัน. |
Non si affezioni troppo. อย่าใกล้ชิดมากเกินไป |
Ma è facile capire perché Paolo li collocò fra l’essere “disubbidienti ai genitori” e l’essere “senza affezione naturale”. แต่ เรา ก็ เห็น ได้ ง่าย ว่า ทําไม เปาโล วาง สอง สิ่ง นี้ ไว้ ระหว่าง การ “ไม่ เชื่อ ฟัง บิดา มารดา” และ “ไม่ มี ความ รักใคร่ ตาม ธรรมชาติ.” |
Poiché gli uomini saranno amanti di se stessi, amanti del denaro, millantatori, superbi, bestemmiatori, disubbidienti ai genitori, ingrati, sleali, senza affezione naturale, non disposti a nessun accordo, calunniatori, senza padronanza di sé, fieri, senza amore per la bontà, traditori, testardi, gonfi d’orgoglio, amanti dei piaceri anziché amanti di Dio, aventi una forma di santa devozione ma mostrandosi falsi alla sua potenza; e da questi allontànati”. — 2 Timoteo 3:1-5. เพราะ ว่า คน จะ รัก ตัว เอง รัก เงิน ทอง อวด ตัว จองหอง เป็น คน หมิ่น ประมาท ไม่ เชื่อ ฟัง บิดา มารดา อกตัญญู ไม่ ภักดี ไม่ มี ความ รัก ตาม ธรรมชาติ ไม่ ยอม ตก ลง กัน เป็น คน ใส่ ร้าย ไม่ มี การ ควบคุม ตัว เอง ดุ ร้าย ไม่ รัก ความ ดี เป็น คน ทรยศ หัวดื้อ พอง ขน ด้วย ความ หยิ่ง เป็น คน รัก การ สนุกสนาน แทน ที่ จะ รัก พระเจ้า มี ความ เลื่อม ใส่ ต่อ พระเจ้า ใน รูป แบบ หนึ่ง แต่ ปฏิเสธ พลัง แห่ง ความ เลื่อมใส นั้น และ จง ผิน หลัง ให้ คน เหล่า นี้.”—2 ติโมเธียว 3:1-5, ล. ม. |
Le espressioni ‘disubbidienti ai genitori’ e ‘senza affezione naturale’ ben descrivono molte persone d’oggi. วลี ที่ ว่า ‘ไม่ เชื่อ ฟัง บิดา มารดา’ และ ‘ไม่ มี ความ รักใคร่ ตาม ธรรมชาติ’ พรรณนา ถึง หลาย คน ใน สมัย นี้ อย่าง ถูก ต้อง. |
La profezia indica che moltissimi sarebbero stati “senza affezione naturale”. คํา พยากรณ์ ชี้ ว่า ผู้ คน มาก มาย จะ “ไม่ มี ความ รักใคร่ ตาม ธรรมชาติ.” |
12 Se una persona si affeziona ai suoi beni come aveva fatto quel giovane ricco, tali beni potrebbero impedirgli di servire Geova con tutto il cuore. 12 หาก คน เรา มี ใจ ผูก พัน ต่อ สมบัติ พัสถาน เหมือน อย่าง ชาย หนุ่ม ผู้ มั่งคั่ง ที่ กล่าว ไป สิ่ง เหล่า นั้น ก็ อาจ ขัด ขวาง เขา ไว้ จาก การ รับใช้ พระ ยะโฮวา อย่าง สิ้น สุด หัวใจ. |
33 E ai tuoi fratelli ho detto, e ho dato anche un comandamento, che si aamassero l’un l’altro e che scegliessero me, loro Padre; ma ecco, sono senza affezione e odiano il loro stesso sangue; ๓๓ และแก่พี่น้องเจ้าเรากล่าว, และให้บัญญัติไว้ด้วย, ว่าพวกเขาจะรักกกัน, และว่าพวกเขาจะเลือกเรา, พระบิดาของพวกเขา; แต่ดูเถิด, พวกเขาปราศจากความรัก, และพวกเขาเกลียดชังสายโลหิตของตนเอง; |
Poiché gli uomini saranno amanti di se stessi, amanti del denaro, millantatori, superbi, bestemmiatori, disubbidienti ai genitori, ingrati, sleali, senza affezione naturale, non disposti a nessun accordo, calunniatori, senza padronanza di sé, fieri, senza amore per la bontà, traditori, testardi, gonfi d’orgoglio, amanti dei piaceri anziché amanti di Dio, aventi una forma di santa devozione ma mostrandosi falsi alla sua potenza”. เพราะ ว่า คน จะ รัก ตัว เอง, รัก เงิน ทอง, อวด ตัว, จองหอง, เป็น คน หมิ่น ประมาท, ไม่ เชื่อ ฟัง บิดา มารดา, อกตัญญู, ไม่ ภักดี, ไม่ มี ความ รักใคร่ ตาม ธรรมชาติ, ไม่ ยอม ตก ลง กัน, เป็น คน ใส่ ร้าย, ไม่ มี การ รู้ จัก บังคับ ตน, ดุ ร้าย, ไม่ รัก ความ ดี, เป็น คน ทรยศ, หัวดื้อ, พอง ตัว ด้วย ความ หยิ่ง, เป็น คน รัก การ สนุกสนาน แทน ที่ จะ รัก พระเจ้า, มี ความ เลื่อมใส ต่อ พระเจ้า ใน รูป แบบ หนึ่ง แต่ ปฏิเสธ พลัง แห่ง ความ เลื่อมใส นั้น.” |
(2 Timoteo 3:3) Questa “affezione naturale” è ciò che tiene unita la famiglia. (2 ติโมเธียว 3:3, ล. ม.) ความ รักใคร่ ตาม ธรรมชาติ เป็น สิ่ง ยึด ครอบครัว เข้า ด้วย กัน. |
Disse che gli “ultimi giorni” sarebbero stati caratterizzati da slealtà, mancanza di “affezione naturale” e disubbidienza ai genitori, anche da parte di persone che avrebbero avuto “una forma di santa devozione”. ท่าน กล่าว ว่า “สมัย สุด ท้าย” จะ ปรากฏ ลักษณะ สําคัญ ด้วย ความ ไม่ ภักดี, การ ขาด “ความ รักใคร่ ตาม ธรรมชาติ” และ การ ไม่ เชื่อ ฟัง บิดา มารดา กระทั่ง ใน ท่ามกลาง คน เหล่า นั้น ที่ “มี ความ เลื่อมใส ต่อ พระเจ้า ใน รูป แบบ หนึ่ง” ด้วย ซ้ํา. |
(Matteo 24:12) In modo simile, l’apostolo Paolo scrisse: “Gli uomini saranno amanti di se stessi, amanti del denaro, millantatori, superbi, bestemmiatori, disubbidienti ai genitori, ingrati, sleali, senza affezione naturale, non disposti a nessun accordo, calunniatori, senza padronanza di sé, fieri, senza amore per la bontà, traditori, testardi, gonfi d’orgoglio, amanti dei piaceri anziché amanti di Dio”. (มัดธาย 24:12) อัครสาวก เปาโล เขียน ใน ทํานอง เดียว กัน ว่า “เพราะ ว่า คน จะ เป็น คน รัก ตัว เอง, เป็น คน รัก เงิน, อวด ตัว, จองหอง, เป็น คน หมิ่น ประมาท, ไม่ เชื่อ ฟัง บิดา มารดา, อกตัญญู, ไม่ ภักดี, ไม่ มี ความ รักใคร่ ตาม ธรรมชาติ, ไม่ ยอม ตก ลง กัน, เป็น คน ใส่ ร้าย, ไม่ มี การ ควบคุม ตน เอง, ดุ ร้าย, ไม่ รัก ความ ดี, เป็น คน ทรยศ, หัวดื้อ, เย่อหยิ่ง จองหอง, เป็น คน รัก การ สนุกสนาน แทน ที่ จะ รัก พระเจ้า.” |
Triste a dirsi, però, specie in questi “tempi difficili” caratterizzati da mancanza di “affezione naturale” si sente parlare di neonati abbandonati dalla madre. แต่ น่า เศร้า การ ที่ มารดา ทอด ทิ้ง ลูก น้อย ไม่ ใช่ เรื่อง ที่ ไม่ เคย เกิด ขึ้น โดย เฉพาะ อย่าง ยิ่ง ใน “วิกฤตกาล” นี้ ซึ่ง การ ขาด “ความ รักใคร่ ตาม ธรรมชาติ” เป็น ลักษณะ เด่น. |
Poiché gli uomini saranno amanti di se stessi, amanti del denaro, . . . disubbidienti ai genitori, ingrati, sleali, senza affezione naturale, . . . testardi, gonfi d’orgoglio, amanti dei piaceri anziché amanti di Dio, aventi una forma di santa devozione ma mostrandosi falsi alla sua potenza”. — 2 Timoteo 3:1-5. ไม่ เชื่อ ฟัง บิดา มารดา อกตัญญู ไม่ ภักดี ไม่ มี ความ รัก ชอบ ตาม ธรรมชาติ . . . หัวดื้อ พอง ขน ด้วย ความ หยิ่ง เป็น คน รัก การ สนุกสนาน แทน ที่ จะ รัก พระเจ้า มี ความ เลื่อมใส ต่อ พระเจ้า ใน รูป แบบ หนึ่ง แต่ ปฏิเสธ พลัง แห่ง ความ เลื่อมใส นั้น.”—2 ติโมเธียว 3:1-5, ล. ม. |
มาเรียนกันเถอะ ภาษาอิตาลี
ตอนนี้เมื่อคุณรู้ความหมายของ affezione ใน ภาษาอิตาลี มากขึ้นแล้ว คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ผ่านตัวอย่างที่เลือกไว้และวิธี อ่านแล้วอย่าลืมเรียนรู้คำที่เกี่ยวข้องที่เราแนะนำ เว็บไซต์ของเรามีการปรับปรุงคำศัพท์ใหม่ๆ และตัวอย่างใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถค้นหาความหมายของคำอื่นๆ ที่คุณไม่ทราบใน ภาษาอิตาลี
คำที่เกี่ยวข้องของ affezione
อัปเดตคำของ ภาษาอิตาลี
คุณรู้จัก ภาษาอิตาลี ไหม
ภาษาอิตาลี (italiano) เป็นภาษาโรมานซ์และมีผู้คนพูดประมาณ 70 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในอิตาลี ภาษาอิตาลีใช้อักษรละติน ตัวอักษร J, K, W, X และ Y ไม่มีอยู่ในตัวอักษรอิตาลีมาตรฐาน แต่ยังคงปรากฏอยู่ในคำยืมจากภาษาอิตาลี ภาษาอิตาลีเป็นภาษาที่พูดกันอย่างแพร่หลายเป็นอันดับสองในสหภาพยุโรป โดยมีผู้พูด 67 ล้านคน (15% ของประชากรในสหภาพยุโรป) และพูดเป็นภาษาที่สองโดยพลเมืองสหภาพยุโรป 13.4 ล้านคน (3%) ภาษาอิตาลีเป็นภาษาการทำงานหลักของสันตะสำนัก ซึ่งทำหน้าที่เป็นภาษากลางในลำดับชั้นของนิกายโรมันคาธอลิก เหตุการณ์สำคัญที่ช่วยเผยแพร่อิตาลีคือการพิชิตและยึดครองอิตาลีของนโปเลียนในต้นศตวรรษที่ 19 ชัยชนะครั้งนี้กระตุ้นการรวมประเทศอิตาลีหลายทศวรรษต่อมาและผลักดันภาษาของภาษาอิตาลี ภาษาอิตาลีกลายเป็นภาษาที่ใช้ไม่เฉพาะในหมู่เลขานุการ ขุนนาง และราชสำนักของอิตาลีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชนชั้นนายทุนด้วย